กว่าจะเป็นประเทศไทย
กับมิวเซียมสยาม
พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้
จากอดีตสู่ปัจจุบัน จากสุวรรณภูมิสู่สยามประเทศถึงประเทศไทย
มาร่วมก้าวย้อนหลังทางความคิดกลับไปสู่ประวัติศาสตร์ครั้งก่อนกับพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ที่จะคุณให้เข้าใจอดีตกาลอย่างเพลิดเพลิน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสนั่งรถเมล์กินลมชมวิวไปรอบเกาะรัตนโกสินทร์
ท่ามกลางสภาพอากาศที่แปรปรวนมีทั้งร้อน ทั้งฝน ชวนให้เหนื่อยล้าในการเดินทาง
เป้าหมายในครั้งนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งแรกที่เน้นการสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ผ่านเทคโนโลยีอันทันสมัย
เพื่อเกิดการเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับความสนุกสนานในการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่
“มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้”
มิวเซียมสยามตั้งอยู่บริเวณท่าเตียน ถนนสนามไชย
ไม่ไกลจากวัดโพธิ์เพียงแค่เดินไม่ทันเหนื่อยก็จะถึง
มิวเซียมสยามมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนคือ
เน้นการจัดนิทรรศการที่จะกระตุกต่อมความคิด และจุดประกายความอยากรู้
ทำให้คุณเกิดการตั้งคำถามจากสิ่งที่เห็น
แล้วนำไปสู่การสืบค้นหาความรู้ด้วยตนเองภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ต่อไป
ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 6 คือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย(วัตถุ)
และใจ(จิต) ของคุณเอง
ภายในเนื้อที่ประมาณ
7
ไร่ของมิวเซียมสยามประกอบด้วยอาคารหลัก 3 อาคาร
คือ อาคารนิทรรศการถาวร
อาคารนิทรรศการชั่วคราว และอาคารสำนักงานพิพิธภัณฑ์
เนื้อหาในห้องแสดงนิทรรศการถาวร
เป็นการแสดงนิทรรศการร้อยเรียงประวัติศาสตร์ในชื่อว่า “เรียงความประเทศไทย” ถือเป็นความโชคดีที่เราได้ไปในวันนี้
เพราะถ้าเป็นวันอื่นเราคงจะต้องเสียค่าเข้าชม 50 บาท
อย่างนี้ใช่ไหมที่เขาพูดกันว่าสวรรค์เข้าข้าง
มิวเซียมสยามจะเปิดให้บริการวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 10.00 -
18.00 น. วันหยุดนักขัตฤกษ์ที่นี่เขาไม่ปิด
แต่จะปิดเฉพาะวันจันทร์เท่านั้น (ขอเวลาพักผ่อนนิดหน่อย) ไม่พูดพร่ำทำเพลงดีกว่า
ขอเชิญทุกท่านรับความรู้จากมิวเซียมสยามจากไกด์จำเป็นได้เลย
เนื้อหาในห้องนิทรรศการถาวร
“เรียงความประเทศไทย” แบ่งออกเป็นห้องทั้งหมด 17 ห้อง
เริ่มจากห้องที่ 1 : เบิกโรง เบิกตัวละครทั้ง 7 ที่จะพาผู้ชมย้อนกลับไปสู่เรื่องราวอันเป็นต้นกำเนิดจากสุวรรณภูมิสู่สยามประเทศถึงประเทศไทย
เพื่อค้นหาคำตอบว่าเราเป็นใคร และอะไรคือไทย
ห้องที่
2
: ไทยแท้ กระตุ้นความอยากรู้ว่าไทยแท้คืออะไร และเป็นอย่างไรจึงเรียกว่าไทยแท้ จากนั้นเราก็เดินขึ้นบันไดไปชั้นที่ 3 ต่อกันที่
ห้องที่ 3 : เปิดตำนานสุวรรณภูมิ แสดงถึงวิวัฒนาการสังคมก่อนจะมาเป็นบรรพบุรุษชาวสุวรรณภูมิ ซึ่งมีใจความสำคัญว่า “สุวรรณภูมิ” คือชื่อที่ชาวโลกเมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อนใช้เรียกดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ทางทิศตะวันออกของอินเดีย ส่วนหนึ่งของพื้นที่แห่งนี้มีกรุงเทพฯ ที่ยังนอนสงบนิ่งอยู่ใต้ทะเล ซึ่งการศึกษาโครงกระดูก หลุมฝังศพ และอารยธรรมที่ฝังอยู่ใต้ดินทำให้รู้จักดินแดนแห่งนี้มากขึ้น
ห้องที่
4
: สุวรรณภูมิ ทำความรู้จักกับ “สุวรรณภูมิ”
ดินแดนแห่งความมั่งคั่งผ่านผู้คน การเกษตร การค้า การสร้างเมือง เทคโนโลยีแห่งโลหะ
และความเชื่อ(ผี-พราหมณ์-พุทธ) ซึ่งจะทำให้รู้ว่าสุวรรณภูมิคือ
รากเหง้าของประเทศไทย
ห้องที่
5
: พุทธิปัญญา สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับหัวใจของพุทธศาสนา ซึ่งมี
คาถา เย ธมฺมา แปลว่า สิ่งทั้งหลายมีเหตุเป็นแดนเกิด คาถายอดนิยมแห่งสุวรรณภูมิ
มูลเหตุแห่งความใจกว้างและสันติ
ห้องที่
6
: กำเนิดประเทศไทย นำเสนอด้วยเทคนิคที่หลากหลาย
เพื่อให้เกิดนานาแว่นแคว้นต่าง ๆ ที่เริ่มก่อตัวขึ้นเป็นนครรัฐ
และสืบสานเรื่องราวของวีรบุรุษผู้สถาปนากรุงศรีอยุธยาจากตำนานท้าวอู่ทอง
เรื่องเล่าที่แสดงให้เห็นถึงความผสมผสานทางเชื้อชาติและวัฒนธรรม
|
ห้องที่ 7 : สยามประเทศไทย กรุงศรีอยุธยามีสภาพภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม ทั้งยังมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และด้วยอำนาจทางการเมืองที่กว้างไกล ทำให้สามารถควบคุมการผลิตภายในราชอาณาจักรได้ นอกจากนี้กรุงศรีอยุธยายังเป็นอาณาจักรที่อยู่ใกล้ทะเล จึงพัฒนาตัวเองขึ้นเป็นศุนย์กลางการค้าทางทะเลของภูมิภาค และสืบเนื่องจากการติดต่อค้าขายที่ทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างผู้คนและวัฒนธรรม เกิดเป็นความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมที่หลากหลายขึ้นในแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นการเมือง การทหาร ภาษา และสถาปัตยกรรม
ห้องที่
8
: สยามยุทธ์ เหตุแห่งสงครามในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีมูลเหตุใหญ่ ๆ คือ
ความต้องการแสดงพระองค์ของกษัตริย์ในฐานะพระจักรพรรดิ เหนือพระเจ้าแผ่นดิน
และเพื่อกวาดต้อนคนอันเป็นแรงงานและกำลังรบ
รวมถึงการครอบครองสินค้าสำคัญของรัฐอื่น สงครามจึงไม่ใช่เรื่องของรัฐต่อรัฐ
หากเป็นเรื่องของพระมหากษัตริย์รัฐหนึ่งกับพระมหากษัตริย์อีกรัฐหนึ่ง
และนอกจากการสู้รบแล้วยังมีการแสดงถึงภูมิปัญญา การวางกลยุทธ์ กลุ่มชาติพันธุ์
และศิลปกรรมอีกด้วย จากนั้นก็เดินลงมายังชั้น 2 ที่ห้องที่ 9
กันต่อเลย
ห้องที่
9
: ความยอกย้อนบนแผ่นกระดาษ ผืนดินแดนธรรมชาติ คงไม่มีเส้นแบ่งใด ๆ
มาขวางกั้นผู้คน แต่เส้นพรมแดนก็ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ล่าอาณานิคมเพื่อแบ่ง เขา สร้าง
เรา และรวมไปถึงการสร้าง ชาติ ให้มีตัวตนขึ้นมาจริง ๆ
มูลเหตุที่ทำให้เกิดการตัดแบ่งชุมชน เชื้อชาติ ญาติพี่น้องออกจากกัน
ห้องที่
10
: กรุงเทพฯ ภายใต้ฉากอยุธยา เรื่องราวเมื่อครั้งสิ้นกรุงศรีอยุธยา
ชาวกรุงศรีฯก็สร้างเมืองของพวกเขาขึ้นมาใหม่บนผืนดิน “บางกอก”
ซึ่งพวกเขาได้จำลองแนวคิดและสืบสานวัฒนธรรมมาจากเมืองเก่ามากมาย
อีกทั้งเมื่อเริ่มสร้างกรุงใหม่ จึงได้เกณฑ์ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติมาช่วยกัน
จนเมื่อสร้างเสร็จจึงลงหลักปักฐานกลายเป็นชาวกรุงเทพฯ ในที่สุด
ห้องที่
11
: ชีวิตนอกกรุงเทพฯ สื่อให้เห็นถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น
และความฉลาดหลักแหลม ไม่ว่าจะเป็นของเล่น อุปกรณ์การดักสัตว์ เครื่องมือทำกิน
ความเชื่อ และพิธีกรรม ที่แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยะแห่งการสร้างสรรค์
และวิถีเกษตรที่ผูกพันกับชาวสยามมาจนถึงทุกวันนี้
ห้องที่
12
: แปลงโฉมสยามประเทศ การติดต่อกับโลกตะวันตก
ทำให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ในสังคมสยามหลายด้าน การเริ่มสร้างถนน
ไม่เพียงแต่เปลายนวิถีการคมนาคมเท่านั้น
หากยังเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนที่คุ้นชินกับสายน้ำและความแช่มช้า
นับจากนี้ถนนจะเร่งกงล้อแห่งความเปลี่ยนแปลงให้สยามเปลี่ยนโฉมไปตลอดกาล
ห้องที่
13
: กำเนิดประเทศไทย จากสยามทำไมกลายเป็นไทย
ห้องนี้จะกระตุ้นให้เกิดการค้นหาคำตอบว่า “วันเกิดประเทศไทยคือวันที่เท่าไหร่” และ
“กรมโฆษณาการเกี่ยวข้องอย่างไร”
ห้องที่
14
: สีสันตะวันตก แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์โลกใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา
ภายหลังคตวามบอบช้ำจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในทศวรรษ 1940
เศรษฐกิจที่กำลังรุ่งเรือง ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส
เสียงเพลงแห่งความหวัง
และสนุกสนานกล่อมให้ผู้คนลืมความเจ็บปวดจากสงครามไปได้หมดสิ้น และประเทศไทยก็โกย
ดอลล่าร์ จากการเปิดรับวัฒนธรรมอเมริกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
ห้องที่
15
: เมืองไทยวันนี้ ผ่านกาลเวลามากว่า 3,000 ปี
มีสิ่งใดบ้างที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นจนฝังตรึงเป็น ดีเอ็นเอ ของความเป็นไทย
มีสิ่งดี ๆ ใดบ้างที่ยังอยู่กับเรา และมีสิ่งดี ๆ
ใดบ้างที่หล่นหายไปอย่างน่าเสียดาย ภาวะอันสับสนของคนรุ่นปัจจุบันน่าจะแก้ไขได้หากทุกคนเรียนรู้ความเป็นไทยที่แท้จริง
ความเป็นไทยที่อยู่บนพื้นฐานของความหลากหลาย
ความเป็นไทยที่รู้จักเลือกรับและปรับใช้
นั่นคือการผสมผสานสิ่งดีงามจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเรา
ห้องที่ 16 : มองไปข้างหน้า เป็นห้องที่ตอกย้ำว่า วันพรุ่งนี้ของประเทศไทยจะเป็นเช่นไร คนรุ่นปัจจุบันเท่านั้น ที่จะให้คำตอบได้ แล้วเราก็ลงมาสู่ชั้นแรกที่ห้อง 17
ห้องที่ 17 : ตึกเก่าเล่าใหม่
ที่มาของมิวเซียมสยาม ผู้ชมสามารถเรียนรู้ทุกอย่างในมิวเซียมสยาม
นับตั้งแต่ความเป็นมาและพัฒนาการของพื้นที่ในบริเวณนี้
แม้กระทั่งตัวอาคารนิทรรศการ
เนื่องจากตอนบูรณะอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์(เดิม)
ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 เพื่อเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์
ได้มีการค้นพบอัจฉริยภาพของสถาปนิก และช่างในสมัยก่อน
นอกจากนี้ยังจัดให้มีการขุดค้นทางโบราณคดีในพื้นที่
ซึ่งนำไปสู่การค้นพบรากฐานของวังในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นถึงตอนกลาง
เราก็ได้เดินทางไปกับ
“ความเรียงประเทศไทย” ครบทั้ง 17 ห้อง ได้รับความรู้และความเพลิดเพลินเต็มเปี่ยมกันเลยทีเดียว
แต่ถ้าจะให้ดีเราแนะนำให้ทุกท่านหาเวลาว่างได้มาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้กันด้วยตัวเอง
ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่แห่งการเรียนรู้ของคุณ
ซึ่งคุณค่าเหล่านี้ โลกที่แข่งขันกันผลิตนวัตกรรมใหม่ ๆ ทุกวันนี้
ประเทศไทยที่มีการแบ่งแยก สมควรต้องหยิบฉวยไปศึกษาให้ลึก จะได้ทราบซึ้งว่า
“กว่าจะเป็นประเทศไทย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น