งานเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554
งานนี้ทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมกันจัดงานเฉลิมพระเกียรติ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 โดยเน้นความเรียบง่าย แต่สมพระเกียรติ โดยจัดให้มีมหรสพ ตั้งแต่วันที่
3-9 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา ฉลองกัน 7 วัน 7 คืน ตั้งแต่ท้องสนามหลวงจนถึงลานพระบรมรูปทรงม้า
มหรสพฉลอง 7 วัน 7 คืน
ที่ท้องสนามหลวง มีการแสดงแสงสีเสียง และสื่อผสม “วัฒนธรรมทองแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
84 พรรษามหาราชา และการแสดงที่เป็นที่ตื่นตาตื่นใจ
ถือเป็นไฮไลท์ของงานเลยก็ว่าได้ก็คือการจัดฉายภาพยนตร์พาโนรามา” สื่อผสมเฉลิมพระเกียรติ
84 ปีแห่งความรุ่งเรืองของรัตนโกสินทร์ ไฮไลท์ของงานนี้คงจะหนีไม่พ้นการแสดงพิเศษที่มีขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยในการใช้เทคนิค 3D Illusion Live Wall ในการแสดงตลอกแนวกำแพงพระบรมมหาราชวังเป็นครั้งแรก จัดแสดงบนความยาวกว่า 200 เมตร เริ่มตั้งแต่ถนนหน้าพระลาน
ตรงหน้าศาลหลักเมือง ไปจนถึงประตูวิเศษไชยศรี โดยนำเสนอเรื่องราวของกรุงรัตนโกสินทร์แผ่นดินทอง
ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ความงดงามทางศิลปวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีต
และพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในด้านศิลปะแขนงต่าง ๆ
ในส่วนที่นำเสนอเกี่ยวกับจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์
ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้นจะมีการแสดงโขนประกอบบริเวณด้านหน้ากำแพง
และปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ได้ไปท้องสนามหลวงในช่วงที่มีงานวันพ่อ ขนาดไปวันที่ 7 ธ.ค. คนก็ยังคงหนาแน่นมาก
ก่อนอื่นก็ได้ไปร่วมกิจกรรมการลงนามถวายพระพร ณ ร่มโพธิ์ร่มไทรของแผ่นดิน
แล้วก็เดินดูรอบ ๆ บริเวณงาน มีการจัดแสดงนิทรรศการในหัวข้อ "เย็นศิระเพราะพระบริบาล
บริเวณสองฝั่งถนนด้านหน้าธรรมศาสตร์ จัดเป็นกิจกรรมถนนเย็นศิระเพราะพระบริบาล
มีการตั้งร้านขายของขึ้นชื่อของแต่ละจังหวัด เรียกว่ายกทั้ง 77 จังหวัดมาอยู่ที่นี่เลยก็ว่าได้
และนับเป็นครั้งแรกที่สำนักพระราชวังได้เปิดให้ประชาชนได้เข้าชม
และถ่ายภาพเก็บบรรยากาศอันงดงามของพระบรมมหาราชวังในช่วงกลางคืนเป็นกรณีพิเศษ
ในวันที่ 5-9 ธ.ค. จนถึงเที่ยงคืน
น่าเสียดายอย่างยิ่งที่งานนี้ได้มีการยกเลิกกิจกรรมหลาย
ๆ อย่างไปก่อนกำหนด ทำให้หลายคนที่เดินทางไกลจากต่างจังหวัดเพื่อที่จะร่วมชมงานเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสความงดงามในครั้งนี้อย่างที่ได้หวังไว้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น